ลิงค์สนับสนุน

วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

พาไปดู อียิปต์ [Egypt]








ครับผม หลังจากพาวกกลับมาที่เมืองไทยกันอยู่พักนึง ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับผม แค่อยากจะบอกว่าเมืองไทยก็มีอะไรน่าเที่ยวน่าดูเหมือนกันนะ และที่ผมพูดมาน่ะ ผมเองแทบจะไม่มีโอกาสได้เที่ยวเมืองไทยเสียเท่าไหร่ พอได้มีโอกาสไปเห็นอะไรที่มันแปลกตา[สำหรับผม] ก็เลยเกิดอาการอยากเล่าให้ฟังครับผม จริงๆ ยังมีอีก 3-4 ที่ในเมืองไทยที่อยากเอามาเล่าสู่กันฟัง แต่เอาเป็นว่าเดี๋ยวค่อยวกกลับมาใหม่ก็แล้วกัน เดี๋ยวจะเบื่อกันไปเสียก่อน วันนี้ก็เลยจะพาไปไกลหน่อยก็แล้วกัน จะพาไปดูเมืองๆ นึงที่ขึ้นชื่อด้านอารยธรรมโบราณเป็นอย่างมาก และสมัยก่อนนั้นเมืองเขาเองนั้นก็ถือว่ายิ่งใหญ่และมีตำนานอยู่เป็นอย่างมาก และที่สำคัญ ถ้าจำไม่ผิดส่ิงที่กำลังจะพาไปดูนี้มันก็ขึ้นชื่อว่าเป็นส่ิงมหัศจรรย์ของโลกอยู่ด้วยเหมือนกัน และจนกระทั้งเดี๋ยวนี้หลายๆ คนก็ยังงงกับส่ิงที่คนโบราณของที่นี้ได้สร้างมันขึ้นมาได้อย่างน่าทึ่ง และคนในยุคนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถไขปริศนาได้ว่าเขาเอาหลักการอะไรมาคิด และมีวิธีการสร้างอย่างไรถึงได้ออกมาอย่างนี้ คงอยากรู้อยากเห็นกันแล้วนะครับผมว่าสิ่งที่ผมกำลังพูดอยู่่นี้มันจะน่าทึ่งน่าสนใจขนาดไหน รับรองครับผม ว่าเห็นแล้วต้องทึ่งอย่างแน่นอน
ร่องรอยของความย่ิงใหญ่ในตำนาน ที่ย่ิงใหย่ของอียิปต์

รูปปั้นพวกนี้มีอยู่รอบๆ ตัวบริเวณนี้ เหมือนกับว่าว่างงานกันมากเลยนะ สมัยก่อน เพระาว่ากว่าจะได้แต่ละชิ้นมันคือการแกะสลักหินทั้งก้อน

เป็นอะไรที่ยังงงๆ กันอยู่เหมือนกันว่ามันทำได้ยังงัยเมื่อนานมาแล้ว ในสมัยที่ยังไม่มีเครื่องทุ่นแรงอะไรเลยนอกจากคนและสัตว์แค่นั้น

รูปปั้นแต่ละตัวก็ไม่ใช่เล็กๆ บางตัวสูงยังกะตึกครับผม และมันเยอะมาก ทั้งที่แบบสมบูรณ์ดีอยู่บ้างกับเหลือแต่ว่าร่องรอยให้พอรู้ก็มีอยู่เยอะ แต่ว่าตรงนี้มันคืออาณาจักรที่ใหญ่เอามากๆ 

ทุกซอกทุกมุมจะมีรายละเอียดต่างๆ อยู่ทุกที่

ดูความใหญ่ของเสาแต่ละต้นกับตัวคนครับผม และคานที่เป็นหินล้วนๆ วางทับกันโดยไม่มีเหล็กมายึดเหมือนกับปัจจุบัน แต่ว่ามันก็ตั้งอยู่อย่างนี้มาเป็นพันปีแล้ว

ทุกอย่างคือรายละเอียดและเรื่องราวต่างๆ ที่ต้องการถ่ายทอดให้ได้รู้กัน ถ้าอ่านภาษาเขารู้เรื่องนะ

มุมนี้ก็เป็นอีกมุมของตัวอาคารที่ยังคงเห็นสภาพของเสาที่สมบูรณ์


ความย่ิงใหญ่ที่ยังหลงเหลือให้เราได้ดู

ดูความเรียบของหินซะ เหมือนกับว่ามันมีเครื่องตัดหินยังงั้นเลย

หุ่นที่เห็นว่าใหญ่นี้ มีอีกหลายที่เลยเขาบอกว่าตัวใหญ่กว่านี้เยอะ 



มุมของฝากของเขา ถ้าใครมีโอกาสหรือว่ากำลังจะไปที่นี้ แถวอียิปต์นั้น เวลาจะซื้ออะไรล่ะก็ขอให้ทำตัวเป็นนักเจรนจาชั้นยอดและท่านจะได้ของชั้นเยี่ยมในราคาติดดิน แต่ว่าก็ต้องแล้วแต่คนต่อและคนขายด้วยนะครับผม แต่ว่าเพื่อนผมเคยทำมาแล้ว จากราคา 100 เหรียญ พอเอาเข้าจริงๆ เดินหนีไปสองครั้งกลับมาต่ออีก บอกว่าจะกลับแล้วคราวนี้ ตกลงกันได้ที่ 35 เหรียญ ขาดตัว แต่ว่าก็ต้องดูสินค้าและร้านด้วยก็แล้วกันนะ ถ้ามันสมเหตุสมผลก็แล้วแต่จะพิจารณาก็แล้วกัน แต่แค่อยากบอกว่า ต้องต่อรองราคาก่อนซื้อครับผม 20-40 % นี่เป็นเรื่องปรกติ ครับผม ต่อได้ทุกร้าน ถ้ามากกว่านั้นต้องฝีมือและคารมของแต่ละคนครับผม 


วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สถาปัฎภายในวัดไทย

สวัสดีครับผม เป็นยังงัยกันบ้างครับผม ได้หยุดยาวๆ กันไปในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ตอนนี้ก็น่าจะกลับเข้ามาทำงานกันเป็นที่เรียบร้อย แต่ว่าวันนี้ก็จะถึงวันหยุดอีกแล้ว จะเยอะไปไหนนี่วันหยุด  ใครๆ ที่พอมีเวลาก็คงได้เที่ยว ได้พักผ่อนกันบ้างพอสมควร ส่วนใครบางคน ไม่ว่าวันหยุดหรือว่าวันไหน ๆ ก็คือวันทำงานของเขาอยู่ทุกวัน ก็แล้วแต่ลักษณะของงานและอาชีพ บางอาชีพย่ิงช่วงคนหยุดเยอะๆ คนมาเที่ยวเยอะๆ คือช่วงที่เขาเหล่านี้จะต้องออกมาทำงาน ถือว่าเป็นช่วงในการกอบโกยของหลายๆ คน แต่อย่างนึกที่แปลกไปจากบ้านเรา สำหรับเมืองนอกหลายๆที่ โดยเฉพาะที่ยุโรป การใช้ชีวิตของเขาค่อนข้างจะต่างจากบ้านเราเอามากๆ มีอยู่ช่วงนึงผมต้องไปอยู่ที่ Italy ประมาณ เดือนครึ่ง ก่อนที่เรือลำที่ผมจะต้องไปทำงานจะแล้วเสร็จ เวลาเราไปทำงานพำนักอยู่ที่ประเทศไหนๆ เราก็จะใช้กฎหมายแรงงานของประเทศนั้นๆ ตอนที่ผมอยู่ที่ Italy นั้น ผมทำงาน 8.00 am- 5.00 pm. จันทร์ถึงศุกร์ วันเสาร์ผมได้หยุดด้วยครึ่งวัน และวันอาทิตย์ หยุดเต็มวัน และวันอะไรที่เป็นวันหยุดพิเศษของเขา ผมก็ต้องได้หยุดตามไปด้วย พูดง่ายๆว่าตอนที่อยู่บนฝั่ง เดือนครึ่งนั้น ทำงานจริงๆ ไม่ถึงเดือนเสียด้วยซ้ำ
เอาล่ะครับเรื่องราวที่จะเล่าให้ฟังมันก็คือว่า วันอาทิตย์ที่เป็นวันหยุดเรา เราก็ด้วยความดีใจว่าวันนี้จะไปเที่ยวในตัวเมืองเสียหน่อย คือว่าผมทำงานอยู่ที่อู่ต่อ ก็จะอยู่ออกมานอกตัวเมืองนิดหน่อย นั่งรถเมล์หรือแทกซี่ไปก็ไม่นาน เดี๋ยวครั้งต่อไปจะเล่าความประทับใจของรถเมล์และระบบขนส่งของ Italy ที่ไปเจอมาให้ฟังครับผม เอาเป็นว่าพอนั่งรถเข้าถึงตัวเมือง ปรากฎว่่าร้านรวงทั้งหลายแหล่ ปิดทำการกันเกินครึ่ง ดูเหมือนเมืองร้างยังงัยก็ไม่รู้ ลองถามๆ คนแถวนั้นว่าวันนี้เป็นวันอะไรทำไมถึงร้านค้าเขาถึงปิดกันซะขนาดนี้ เขาตอบมาแบบว่าก็วันอาทิตย์งัย ก็หยุดอย่างนี้ทุกวันอาทิตย์ ก็เลยถามต่อว่าแล้ววันเสาร์ล่ะ หยุดอย่างนี้หรือเปล่า เพราะคิดในใจว่าเดี๋ยววันเสาร์เราหยุดครึ่งวันค่อยมาเที่ยวก็ได้ เขาตอบกลับมาว่าวันเสาร์ก็หยุดครึ่งวันงัย ก็พูดง่ายๆว่่า ถ้าผมหยุดครึ่งวันวันเสาร์ แล้วผมนั่งรถเข้ามาในเมืองผมก็จะเจอสภาพเมืองร้างอีกเช่นกัน เอากะมัน....












ก็อย่างที่เคยบอกไว้ว่าไม่มีที่ไหนน่าอยู่เหมือนเมืองไทยครับผม ย่ิงถ้าพูดถึงเรื่องความสะดวกสะบายแล้ว ไม่มีที่ไหนเกิน แม้ว่าบางครั้งเราจะเอาสะดวกสะบายจนหลงลืมระเบียบวินัยกันไปบ้างในบางครั้ง แต่ก็ยังถือได้ว่าไม่น่าเกียจอะไรมากมาย บ้านเราบริษัทที่จะปิดทำการกันในวันอาทิตย์ มักจะไม่ใช่ร้านค้าขายหรือห้างใหญ่ๆ อย่างแน่นอน แล้วเวลาจะไปซื้อของหรือไปเดินเล่นก็ต้องมีการวางแผนกันให้ดีอีกนิดนึง เพราะว่าตอนกลางวันแถวนี้เขาจะปิดร้านกันอีกประมาณ 3 ชั่วโมง มีอยู่วันนึงกำลังเดินดูของกันอยู่ ก็เห็นบางร้านเร่ิมปิดประตู ก็ไม่ได้สงสัยอะไร เดินไปเรื่อยๆ ก็เห็นเร่ิมทยอยปิดกันจนเกือบหมดทุกร้าน สอบถามได้ใจความว่า จะกลับมาเปิดอีกทีตอน 5 โมงครึ่ง วันนั้นมีลูกค้าที่มากับเรือสำราญลำใหญ่อยู่ 3 ลำ รวมลูกเรือด้วยแล้ว จะมีคนเดินเข้าไปในตัวเมืองไม่น่าจะต่ำกว่า 8,000-10,000 คน ที่อย่างน้อยต้องใช้จ่ายซื้อของกันอย่างแน่นอน แต่คนที่นี่เขาบอกว่าได้เวลาพักกลางวันแล้ว เดี๋ยวค่อยตื่นมาขายต่อตอนที่คนหายหนีกันหมดแล้ว เพระาว่าเรือส่วนใหญ่จะออกตอน 5-6 โมงเย็น 
แต่ก็อย่างว่าแหละเขาทำของเขามาอย่างนี้ทุกครั้ง มันก็เลยกลายเป็นเรื่องปรกติสำหรับเขาไปแล้ว

วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เที่ยวเมืองไทย

สวัสดีครับผม วันนี้วันเข้าพรรษา และก็เป็นวันหยุดสุดท้ายของวันหยุดยาวอาทิตย์นี้ คิดว่าหลายๆ คนก็คงกำลังเดินทางกลับกรุงเทพกัน ยังงัยก็ขับรถด้วยความระมัดระวังอย่าประมาท และต้องไม่มีแอลกอฮอล์ด้วยนะครับผม ด้วยความปรารถนาดีจาก "คนชงเหล้า" ครับผม และใครๆ หลายๆคนที่ได้หยุดยาวกันอย่างนี้ก็คงได้มีโอกาสไปเที่ยว ไปพักผ่อนกันมาบ้างอย่างแน่นอน หรือว่าถ้าใครยังต้องทำงานต่อในช่วงวันหยุดที่ผ่านมานั้น ก็ไม่ต้องคิดมากครับ เดี๋ยวค่อยไปเที่ยวตอนที่ชาวบ้านเขาทำงานกันก็ได้ครับ คนไม่เยอะดี ไม่ต้องไปแย่งไปเบียดกันเพื่อชี่นชมความงามของสถานที่
เอาละครับผม วันนี้ก็ยังคงจะขอต่อเนื่องจากครั้งที่แล้ว ที่ได้นำรูปภาพของดอยสุเทพเมืองเชียงใหม่มาให้ดูกัน วันนี้ก็คงจะตระเวนอยู่แถวๆ เหนือนี่แหละครับผม ลองมาดูไปพร้อมๆ กันเลยครับผม
พญานาค ที่เห็นได้ทั่วไปในวัดและบริเวณทางขึ้นโบสถ์ แต่ว่าก็แตกต่างกันไปที่จินตนาการและฝีมือของช่างปั้นในแต่ละท้้องที่

ความน่าสนใจให้ดูที่สายพานด้านข้างที่เชื่อมโยงไปที่ด้านบนของโบสถ์

เป็นวิธีการรดน้ำพระธาตุ คือว่าเราตักน้ำใส่ในกระสวยที่มีหมายเลขกำกับ พอกระสวยของเราขึ้นไปจนถึงยอดก็จะเทน้ำรดที่องค์พระธาตุ

โบสถ์แถวๆ ลำปาง

บริเวณรอบๆ ของวัดพระธาตุลำปางหลวง

พญานาคที่หลังคาโบสถ์

มาลำปางทั้งที ถ้าไม่ขี่รถม้า ก็ดูยังงัยอยู่นะ ตอนนี้ก็พอมีให้เห็นได้บ้างอยู่เหมือนกัน

โบสถ์ด้านในวัดพระธาตุลำปางหลวง สวยงามมาก

ทุกส่วนของตัวโบสถ์ถูกตกแต่งด้วยลวดลายไทยอย่างสวยงาม

พระพุทธรูปองค์ใหญ่ในโบสถ์

บริเวณซุ้มประตูโดยรอบภายในวัด

ต้นไม้ต้นนี้ไม่รู้ว่าอายุกี่ปี แต่ประมาณการได้ว่ามันเกินหลักร้อยปีอย่างแน่นอน ใหญ่มาก เสียดายไม่ได้วัดขนาดมาให้ดู แต่ให้ลองดูที่ฐานมีศาลเจ้าหลังเล็กอยู่ ขนาดความกว้างก็น่าจะเท่ากับคนหนึ่งคนนะแหละครับผม กะเอาด้วยสายตาต้องใช้หลายคนโอบอย่างแน่นอน

ตัวพระธาตุด้านบน สวยงามสมคำล่ำลือ

ซุ้มประตูทางเข้าอีกด้านนึง

 แต่ละจุดแต่ละทางเข้าออก จะทำเป็นซุ้มสวยงาม

ครับผม ไหนๆ ก็วันเข้าพรรษา ไม่ได้ไปวัดเอง ก็ขอเอารูปวัดมาให้กันดูก็แล้วกันนะครับผม ยังงัยก็ขอให้เที่ยวให้มีความสุขกันนะครับผม แล้วพรุ่งนี้ก็กลับมายอมรับความจริงกันซะ ว่าเราทุกคนยังต้องทำงานกันอยู่
แล้วเจอกันใหม่ครับ
"คนชงเหล้า"

วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

พาไปเที่ยว Chiangmai


ครับผม ถูกต้องแล้วครับผม อ่านไม่ผิดหรอกครับ วันนี้จะพาไปดูอะไรในบ้านเรานี่้แหละครับ ใครๆ หลายๆ คนอาจจะไม่ตื่นเต้น และหรือว่าอาจจะเห็นเป็นเรื่องธรรมดาสามัญทั่วไป ไม่เห็นจะน่ามีอะไรมาเล่าให้ฟังเลย ใช่ครับ นั่นก็คงอาจจะเป็นความรู้สึกของใครหลายๆ คนที่อยู่บ้านเราจนชิน หรือว่าเห็นอะไรอย่างนี้มาจนชินแล้ว แต่สำหรับผมเองนั้น คนทีีไปเที่ยว ไปดูมาแล้วทั่วโลก กลับรู้สึกว่าเราขาดอะไรไปนิดนึง ก็คือส่ิงต่างๆที่มีอยู่ในบ้านเรานี่แหละที่ผมขาดหายไป ผมเองนั้นแทบจะไม่ได้มีโอกาสเที่ยวเมืองไทยเลย เอาง่ายๆ นี่คือคร้ังแรกของผมเลยก็ว่าได้ที่มีโอกาสมาถึงเชียงใหม่ [แต่ว่าไปมาแล้วทั่วโลก] และก็ไปแบบรีบๆ ด้วยก็เลยไม่ค่อยมีเวลาไปดูอะไรหลายๆที่ ที่น่าจะไปดูเวลาไปเชียงใหม่ แต่ว่าอย่างน้อยก็ยังดีที่ได้ไป ใช่มั๋ยล่ะ
วันนี้ได้ไปเห็นอะไรในบางมุมที่ผมดูแล้ว เห็นว่าอยากจะเอามาเล่าให้ดู แต่ว่าต้องขอบอกไว้ก่อนนะ  ว่ามันก็คืออะไรธรรมดาๆ อย่างนึงที่หลายๆ คนคงจะชินกับมันแล้วก็ได้ แต่ว่าผมก็ยังมีความเชื่อว่ามันมีความน่าสนใจอยู่ในตัวของมัน ก็เลยอยากจะนำเสนอซักหน่อย
ขับรถปีนเขาที่เคี้ยวคดมาไม่รู้กี่โค้งต่อกี่โค้ง พอมาถึงทางขึ้นก็เกิดความรู้สึกว่า อื้อฮื้อ มิน่าล่ะ

จริงๆ แล้วผมเองหลงไหลในสถาปัตยกรรม ทางแนวตะวันตกซะมามากเลยเพราะว่าไม่เคยมาเดินเที่ยวดูอะไรสวยๆ งามๆอย่างนี้ในบ้านเราเลยครับ แต่ละท้องที่ แต่ละประเทศ ก็ต่างมีแนว และอะไรที่เป็นเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง และผมว่าไทยเราเองนั้น ก็มีอะไรที่น่าหลงไหล และมีสเน่ห์อยู่ในตัวของมัน ที่เห็นแล้วทำให้เกิดความประทับใจได้ไม่ยากเลย 

ความอ่อนช้อยของเส้นสายลายไทยและการออกแบบ และการจัดวางองค์ประกอบ ยอมรับครับ ว่าพื้นที่ด้านบนดอยนั้นค่อนข้างจำกัด แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ก็ถูกตกแต่งและถูกใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าและสวยงาม

งานพระพุทธรูปนี่ก็เป็นอีกงานนึงที่มีสเน่ห์ดึงดูดใครต่อใครหลายคนให้ชวนหลงไหล ถึงขั้นบางคนอยากครอบครองไว้เลยก็มี พระพูทธรูป ไม่ว่าจะเป็นไม้แกะสลัก หรือว่างานหล่อทองเหลือง หรือว่าเนื้อโลหะชนิดใดก็ช่าง ผมเคยเดินดูราคาของเก่าแถวเมืองนอกอยู่หลายครั้ง แถวยุโรป พระพุทธรูปหนึ่งองค์ ประมาณว่าเฟอร์นิเจอร์หลุยส์ชั้นดีชิ้นนึงเลยแหละที่บ้านเรา

ความสวยงาม สงบนิ่ง และแฝงด้วยพลังอันทรงคุณค่าแห่งทองคำ

อีกหนึ่งมุมมองที่สะท้อนความงามของทองคำ กับส่ิงก่อสร้าง

ปติมากรรมความงาม ที่ใครหลายคนเห็นแล้วก็ต้อง อึ่ง ทึ่ง นิ่งไปเลยเหมือนกัน ประมาณว่า WOW....

มุมจากฐาน สุ่ยอดด้านบน เหลืองอร่ามไปทั่วบริเวณ แนะนำว่าถ้าขึ้นไปเที่ยวขาดไม่ได้เลยคือแว่นกันแดดนะ เดี๋ยวทองจะเข้าตาเอา

อีกหนึ่งมุมมองของความสวยงามและความสงบนิ่ง

เป็นงัยกันบ้างครับผม คำๆนี้ยังมีอยู่จริง เมืองไทยมีดี เที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้ ครับ  ก่อนจากวันนี้มีอะไรมาให้ดูกันแบบ ขำๆ ติดอมยิ้มกันนิดนึง ระหว่างที่เดินวนรอบโบสต์อยู่ด้านบนนั้น เราก็จะมีพื้นที่ให้เราเขียนคำขอพร หรือว่าคำมั่นสัญญา อะไรก็ได้ที่ตนอยากจะเขียนลงบนแผ่นทองเหลือง ที่ติดกับระฆังทองเหลืองอันเล็ก แล้วเอาไปแขวนไว้รอบๆ โบสต์ ส่วนใหญ่ก็จะเขียนถึงคนรัก บอกรัก เขียนชื่อตัวเองกับคนรัก เขียนถึงพ่อแม่ เขียนคำมั่นสัญญาต่าง ๆ แต่ว่าเดินแอบอ่านมาเรื่อยๆ สายตาก็ไปสะดุดอยู่กับแผ่นทองเหลืองแผ่นนึง ซึ่งทำให้ต้องหยุดดู และกดชัตเตอร์มาให้ดูในทันใด ถ้าบังเอิญว่าใครเป็นเจ้าของผลงานศิลปะชิ้นนี้ก็ต้องขออภัยด้วยนะครับผม แค่เห็นแล้วรู้สึกว่าน่ารักดี ก็เลยอยากให้ใครๆ ได้เห็นกันบ้าง อย่างน้อยก็น่าจะทำให้คนที่ได้เห็นเกิดร้อยยิ้มที่มุมปากได้เหมือนผมอย่างแน่นอน

"คนชงเหล้า"
นี่ก็กระดิ่งที่คนส่วนใหญ่เขียนเสร็จแล้วก็จะเอามาแขวนไว้ที่นี้ แต่ว่าก็อย่างที่บอกว่าส่วนใหญ่ก็จะเป็นถ่อยคำอย่างที่บอกไว้ด้านบน แต่ว่าข้างล่างนี่สิ เห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้เลย

น้องกบน่ารัก มาได้งัยนี่