ลิงค์สนับสนุน

วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Europe On Tour

สวัสดีครับผม วันนี้ลองมาดูเมืองทางประวัติศาสตร์ทางแถบยุโรปกันบ้างดีกว่า ยุโรปมีข้อดีอย่างนึงทีผมมองเห็นหลังจากที่ไปเยี่ยมเยียนมาหลายๆประเทศ บ้านเขาไม่ใช่ประเทศด้อยพัฒนาซึ่งก็คิดว่าทุกๆคนก็คงจะพอรู้พอเข้าใจกันเป็นอย่างดี ในทางกลับกันบ้านเมืองเขาเจริญมากกว่าบ้านเราไปเยอะเลยเสียด้วยซ้ำ แต่ว่าสิ่งนึงที่น่าทึ่งก็คือร่องรอยในอดีต และสถานที่สำคัญเก่าๆในอดีต กลับได้รับการดูแลรักษาและซ่อมบำรุงอยู่ตลอดเวลา อย่างเช่นที่กรุงโรม Italy บริเวณรอบๆเมืองเก่าของเขาก็คือเมืองสมัยใหม่อย่างเช่นทั่วๆไป แต่ว่าเขาก็สงวนพื้นที่เขตเมืองเก่าให้อยู่คู่กับเขตเมืองใหม่ได้อย่างน่าทึ่ง และดูเป็นสัดส่วน เอาเป็นว่าเราเดินดูเมืองเก่าอยู่นี่ เราแทบจะไม่เชื่อเลยว่าห่างไปอีกไม่เท่าไหร่นั่นคือเมืองใหญ่
ยุโรปได้เปรียบบ้านเรามากในด้านการรักษาสมบัติประจำชาติ พูดง่ายๆว่าเห็นแล้วต้องทึ่งเลยเพราะว่าบางตึกบางสถานที่ก็อายุหลักพันปีขึ้นไป แต่ว่าดูจากสภาพแล้วถือว่ายังมีความสมบูรณ์อยู่เป็นอย่างมาก ลองมาดูไปพร้อมๆกันก็แล้วกัน
รูปนี้เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่ Venice Italy อายุอานามก็น่าจะหลายร้อยปีหรืออาจจะมากกว่านั้น และก็เป็นสถานที่ที่ชาวคริสต์เขาจะมาทำพิธีกันแต่ว่าต้องเข้าแถวนะเพราะว่าคิวเยอะมาก และรู้สึกว่าต้องมีค่าเข้าไปด้วยนะ อันนี้ฟังมานะ

สภาพตึกและลำคลองที่ใช้ในการเดินทางของที่นี้ สังเกตจากตัวตึกยังคงเป็นตึกเก่าดั้งเดิมอยู่ที่เมืองนี้จะเน้นการซ่อมแซมปรับปรุงมากกว่าการสร้างใหม่ ซึ่งมันก็เลยทำให้เมืองทั้งเมืองดูเก่าและขลังอยู่ตลอดเวลา และที่สำคัญน้ำในคลองใสอย่าบอกใครเชียว

มุมมองด้านนอกก่อนเข้าถึงตัวเมือง Venice จะเห็นได้ว่ากำลังมีการซ่อมแซมโดมใหญ่อยู่ซึ่งตึกนั้นก็อายุค่อนข้างมากแล้วเช่นกัน

มุมมองด้านหน้าของโบสถ์ที่เขาบอกว่าสวยงามมากโดยเฉพาะข้างในก็เลยทำให้ใครก็ช่างที่มาอยากจะเข้าไปดูถึงขนาดต้องยอมยืนต่อแถวกันยาวเหยียด

 อันนี้เป็นปราสาทเก่าแก่ที่ไหนซักแห่งจำไม่ได้แล้ว แต่ว่าที่ชอบก็คือเมืองนี้เคยเป็นเมืองหน้าด่านและตรงทางที่เราเดินเข้าออกนี้ก็คือประตูเมือง พูดง่ายๆว่าตรงนี้เมื่องหลายพันปีก่อนมันก็คือป้อมทหารหน้าเมืองนะแหละครับผม ส่วนเมืองข้างในได้รับความเสียหายแล้วแต่ว่าเขายังอนุรักษ์ประตูและกำแพงเมืองไว้ รูปต่อไปคือสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมาทดแทน

 นี่คือด้านในกำแพงเมืองโบราณที่เห็น เป็นหมู่บ้านร้านค้าและแหล่งช็อปปิ้งที่ดูสวยงามและคลาสสิคมาก
 อันนี้ไม่ต้องบอกก็คิดว่าหลายๆคนคงจะพอรู้จักแล้วนะ ที่เราเรียกกันง่ายๆว่าหอเอนเมืองปิซ่านั่นเอง ตอนที่ไปนั้นก็ยังอนุญาตให้ขึ้นไปได้อยู่แต่กำหนดครั้งละไม่เกิน 14 คนนะ ถ้าจำไม่ผิด สิ่งที่น่าทึ่งก็คือนี่คือสิ่งปลูกสร้างพันกว่าปีที่แล้วที่สามารถรับแรงต้านโน้มเอียงได้มากขนาดนี้ ตัวอาคารทำจากหินอ่อนแกะล้วนๆ
นี่ก็อีกตึกนึงตั้งตระง่านอยู่แถวๆหอเอน ตัวอาคารทำจากหินอ่อนประสานและแกะสลักเข้าลิ่มทั้งนั้น แต่ว่ามันกลับดูแข็งแรงทนทานกว่าตึกยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก

นี่ก็อีกตึกนึงที่น่าทึ่งก็คือว่าเป็นตึกที่มีหลังคาเป็นโดมอยู่ด้านบน การสร้างตึกอย่างนี้สมัยนี้ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ว่าการสร้างตึกอย่างนี้เมื่อพันกว่าปีที่แล้วเป็นอะไรที่ทำได้ยากมาก และที่ Italy นี่แหละเป็นคนคิดค้นการสร้างโดมขึ้นมาครั้งแรกเมื่อสมัยครั้งกระโน้น

รูปนี้จริงๆอยากให้เห็นถึงยอดแต่ว่าอยากให้เห็นรายละเอียดตรงฐานของมันมากกว่า รูปนี้คือวงเวียนกลางเมือง Barcelona Spain ทำจากหินอ่อนและก็มีงานแกะสลักและก็งานโลหะผสมอยู่และก็จะมี
กระดานโลหะบอกเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของเขาไว้ได้สวยงามมาก และที่สำคัญมันกลายเป็น Landmark ของที่นี่ไปเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าใครผ่านไปผ่านมาเป็นต้องหยุดถ่ายรูปกันทั้งนั้น และวงเวียนนี้เราก็จะเห็นได้ตลอดใน  Post Card และสื่อต่างๆอย่างมากมาย

วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Dubai เมืองทะเลทราย

หวัดดีครับผม กลับมาอีกครั้งครับผม วันนี้จะขอพาไปดูที่ที่นึงที่จะทำให้หลายๆคนที่อยู่ในบ้านเราแล้วบ่นว่าร้อนตับแตกเลย หรือว่าโค ตะ ระ ร้อนเลย จะมีความรู้สึกขึ้นมาว่าบ้านเราเย็นกว่าเยอะเลยครับผม วันนี้ขอพาไปดู Dubai ครับผม เมืองที่แทบจะไม่มีอะไรเลย นอกจากน้ำมันเพียงอย่างเดียวแค่นั้น
มันก็เลยกลายเป็นเมืองที่มีความร่ำรวยมั่งคังเท่าที่เราๆรู้มา แต่ว่าเดี๋ยวนี้ Dubai เองนั้นพยายามที่จะสร้างเมืองอย่างนัก และพยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้ประเทศของเขาเป็นที่รู้จักของโลกให้ได้ จึงเกิดการระดมทุนในทุกๆด้าน สร้างเมืองใหม่ขึันมา สร้างตึก สร้างทุกอย่างที่จะได้ขึ้นชื่อว่าที่สุดในโลก ทั้งๆที่ ที่ Dubai นั้นก็ไม่มีอะไรน่าลงทุนเลยนอกจากการที่เป็นเมืองใหม่ และจากการลงทุนทำสถานที่ท่องเทียวต่างๆ จะทำให้มีปริมาณนักท่องเที่ยวเข้าประเทศกันอย่างเยอะแยะ แต่ว่าก็ไม่ได้เป็นไปตามเป้านัก ก็เลยทำให้ Dubai ประสบกับคำว่าเจ๊งอย่างเป็นทางการมาแล้วพักนึงถ้าใครติดตามข่าว แต่ว่าก็ด้วยขุมทรัพย์ใต้ดินที่ยังคงทำหน้าที่ผลิตเงินให้กับ Dubai ได้อยู่อย่างสม่ำเสมอ เขาก็เลยยังสามารถพัฒนาและต่อยอดสิ่งต่างที่เขาพยายามจะทำอย่างต่อเนื่อง เอาล่ะครับผม รู้จักกันไปพอคร่าวๆแล้วทีนี้มาดูรูปร่างหน้าตาของบ้านเมืองเขากันบ้างดีกว่าครับ
 ก่อนอื่นเลยมาดูคนรวยเขาทำกัน เขาซื้อเรือลำนี้ Queen Mary จากบริษัท Cunard Cruise Line มาจอดไว้เพื่อเป็นโรงแรมที่พักกลางน้ำซะงั้น แต่เท่าที่ฟังมาไม่ค่อยมีลูกค้าเท่าไหร่
ภาพของเมืองโดยรวมจะเห็นได้ว่าเต็มไปด้วยตึกสูง นี่แค่เป็นบางส่วนแค่นั้นนะ โซนที่เป็นเมืองใหม่จริงๆ ผมไม่ได้ไป แต่ว่าที่เห็นเป็นยอดแหลมที่สุดอยู่ทางด้านขวามือนั่นก็คือตึกที่สูงที่สุดในโลก ณ เวลานี้

 พื้นที่สีเขียวที่นี่เป็นอะไรที่เห็นได้ยากมาก ไม่ในที่สาธารณะก็ต้องเป็นที่บ้านของคนรวยๆ จริงๆเท่าน้้น ไม่เหมือนบ้านเราตัดทิ้งแล้วทิ้งอีก จะขึ้นอะไรเร็วนัก รกหน้าบ้าน
 ป้ายบอกทางที่มีทั้งภาษาเขาและภาษาอังกฦษ แต่ว่าก็ยังอ่านยากอยู่ดี
 นั่นคือทางรถไฟฟ้าของเขา ทุกอย่างดูดี ถนนก็โอเค อะไรๆก็ดูใหม่ ดูดีไปหมด จะไม่ใหม่ได้ยังงัยครับก็พึ่งจะสร้างกันเสร็จไม่กี่ปีนี่เอง

 ชอบมากก็ตรงสถานีรถไฟฟ้าติดแอร์ของเขานี้แหละ ทั้งการออกแบบก็สุดล้ำด้วยเช่นกันอย่างว่าแหละทำทีหลังเพื่อนก็ต้องดีกว่าเพื่อนอยู่แล้ว
 มุมนี้ถ่ายจากบนสะพานรถวิ่งอยู่ เห็นโรงแรม ดุสิต ของบ้านเราด้วยแต่ว่าถ่ายไม่ทัน
 ทางเข้าห้าง แห่งหนึ่งซึ่งก็ถูกประกาศไว้ว่าคือห้างที่ใหญ่ที่ีสุดในเอเชีย และหรืออาจจะใหญ่ที่สุดในโลกด้วยก็ได้ อีกแล้วครับท่าน
 อันนี้มองจากหน้าห้างออกไปยังเมือง อยากถ่ายหน้าห้างเหมือนกันแต่ว่ามันใกล้ไปถ่ายไปก็คงเห็นแต่ประตูทางเข้า

อีกแล้วครับผม นี่คือในห้างและก็มีการประกาศอย่างเป็นทางการอีกแล้วว่านี้คือ Aquarium In Door ที่ใหญ่ที่สุดในโลกครับผม ก็ดูจากกระจกบานใหญ่ความสูงหลายเมตร และความกว้างขึ้นลงอีกก็ต้องยอมรับว่าใหญ่มากครับผม

 อันนี้ก็แค่เป็นกำแพงน้ำพุธรรมดาครับผมไม่ได้บอกว่าใหญ่ที่สุดในโลกแต่อย่างใด แต่เห็นว่าเก๋ดีครับ
กลับมาอีกครั้งครับสำหรับอะไรที่ใหญ่ที่สุดในโลกไปหลายอย่างแล้ว อันนี้อีกหนึ่งชินงานครับผม ตึกที่สูงที่สุดในโลกครับผม ประมาณ 836 เมตร หรือเปล่ายังงัยนี่แหละ ถ้าตัวเลขผิดพลาดก็อย่าว่ากันนะ จำมาแล้วก็เล่าให้กันฟังแค่นั้นครับผม ไม่ได้หวังผลอย่างอื่นเกี่ยวกับตัวเลขทั้งสิ้น

 นั่งอยู่บน Taxi เห็นแสงสีแดงสดแว็ปๆ ผ่านสานตาไปเห็นหลังไวๆ เจ้า Lamborghini นี่เอง
Taxi บ้านเขาก็มีตั้งแต่ Camry รถยุโรปทั่วไปครับผม  ที่บอกว่าใครไปเที่ยว Dubai แล้วจะบอกว่าบ้านเรานั้นเย็นสบายกว่าเยอะเลยนั้นก็วันที่ผมไปนั้นเท่าที่วัดดูอยู่ระหว่าง 48-52 C. เลยนะครับผม แล้วใครที่
ไหนจะอยากไปเที่ยวกันนักล่ะครับ

วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ท่องเที่ยวทั่วไป

หลังจากเห็นอะไรที่ไม่สวยไม่งามกันไปแล้ว มาดูอะไรที่มันสวยงามกันบ้างดีกว่า สำหรับวันนี้จะนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวโดยรวมๆ บางรูปอาจจะจำชื่อสถานที่ไม่ได้ก็ต้องขออภัยด้วยก็แล้วกันครับผม เอาเป็นว่าดูเอาไว้เปรียบเทียบกับสถานที่ท่องเที่ยวบ้านเราก็แล้วกันครับผม บางสถานที่นั้นที่นักท่องเที่ยวแห่กันไปดู ซึ่งตัวผมก็แห่ไปกับเขาเหมือนกันนั้น ต้องขอบอกตรงๆว่าบางสถานที่นั้นมันก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าจะไปดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมากันได้เยอะขนาดนั้น แต่ว่าก็เห็นมีนักท่องเที่ยวเยอะตลอดปี ผิดกับบ้านเรามีสถานที่สวยๆ งามๆ สถานที่ทางประวัติศาสตร์เยอะแยะมากมาย และที่สำคัญสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติอีกเยอะแยะ ที่ผมกล้ารับประกันว่าสวยไม่แพ้ที่ใดในโลกครับ แต่เมื่อมองดูจากสถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆ กลับไม่ได้รับการดูแลและการโปรโมทเท่าที่ควร จึงทำให้คนอีกหลายๆล้านคนที่ไม่ได้อยู่ในเมืองไทยแทบจะไม่มีโอกาสได้รู้จัก ลองมาดูกันเล่นๆครับ
ที่ไหนซักแห่งทางยุโรปตอนเหนือ

ปราสาทเก่าแก่แต่ว่ายังอยู่ในสภาพที่เรียกว่าสมบูรณ์มากอยู่ ที่เมือง Dover ,London  ครับผม ใครไปก็อยากเข้าไปดูกันทั้งนั้น

นี่ก็แถวยุโรปจำไม่ได้ว่าที่ไหนเหมือนกัน

ก่ิงก่าทะเลที่ St. Thomas Caribbean ถือเป็นสัญลักษณ์ประจำของที่นี่ไปเลย เพราะว่าทุกครั้งที่ไปมันก็จะขึ้นมาอาบแดดกันที่ข้างทางอย่างที่เห็น ไม่ใช่แค่ตัวเดียวครับ หลายตัวเลยแหละ และที่สำคัญมันไม่กลัวคน และที่สำคัญก็ไม่มีใครไปทำอะไรมันด้วย อยากเข้าไปถ่ายรูปใกล้แค่ไหนมันก็ชูคอให้ถ่ายรูปตลอดเวลา

นกตัวนี้ก็เป็นสัญลักษณ์อีกอย่างนึงของเมืองท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของหมู่เกาะทางกรีก ใครไปใครมาก็ต้องหยุดถ่่ายรูปตลอดเวลา

บรรยากาศทั่วๆไปนี่น่าจะเป็นแถว Italy ถ้าจำไม่ผิด

ทะเลสีครามที่หมู่เกาะ Caribbean

ความสะอาดของนำ้ทะเลก็เป็นอีกจุดนึงที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ซึ่งมันก็เป็นหน้าที่ทั้งของผู้ประกอบการและก็นักท่องเที่ยวที่ต้องช่วยกันรักษาความสะอาด

เมืองโบราณที่อยู่ไกลมากพอสมควร แต่ว่าก็มีคนไปดูกันวันละน่าจะหลายพันคน และเมืองๆนี่มันถูกเรียกว่าเป็น The Lost City อยู่ที่ Jordan ที่เห็นนี่เป็นเหมือนอาคารสูงเกินกว่า 30 เมตรแน่นอน ให้สังเกตคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าอาคาร ความสูงของตึกไม่ใช่เรื่องน่าประทับใจอะไร แต่ว่าที่เราเห็นเป็นรูปตัวอาคารตึกสูงนี้มันคือภูเขาหินทั้งลูกและก็ใช้การแกะสลักหินทั้งลูกให้ออกมาเป็นรูปร่างหน้าตาอย่างนี้ และข้างในก็มีห้องต่างๆ อย่างไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็นไปได้ เพราะว่าที่เขาทำกันมามันเกินหลักพันปีมาแล้ว

นี่ก็เป็นอีกร่องรอยที่น่าประหลาดใจที่ทำให้นักท่องเที่ยวอยากจะขึ้นไปดูว่ามันยังงัยกันไอ้วเมือง The Lost City นี่ เมืองนี้อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลน่าจะประมาณ 1,000 กว่าเมตรขึ้นไปครับผม แต่ว่าบนยอดของภูเขาลูกนี้ทั้งลูกมีร่องรอยของน้ำเซาะจนทำให้เป็นรอยผ่านของน้ำอย่างที่เห็นนี้เป็นแนวยาวหลายกิโลเมตรเลย และที่สำคัญยังมีหลักฐานว่าเขามีระบบชลประทานแบบโบราณที่สามารถผันน้ำออกจากเมืองด้วย คำที่บอกว่าน้ำเคยท่วมโลกมาก่อนก็เลยมีหลักฐานสนับสนุนอยู่พอสมควร
ทีแรกว่าจะหารูปสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละที่มาให้ดูแต่ว่าหารูปยังไม่เจอเดี๋ยวเอาไว้ครั้งหน้าครับ

มุมมองโลก

สวัสดีครับผม วันนี้กลับมาอีกครั้ง จะขอไปดูอะไรที่มันจะทำให้เรารู้สึกว่าบ้านเราน่าอยู่ขึ้นเยอะครับผม หลายๆคนใฝ่ฝันว่าอยากไปอยู่ที่โน่นที่นี่ หลายๆคนบ่นอย่างตัดท้อว่าประเทศตัวเองไม่ค่อยน่าอยู่เหมือนที่โน่น ที่นี่ แต่ว่าถ้าเราได้ไปอยู่ ไปเห็นจริงๆแล้วผมกล้าพูดได้เลยครับว่าไม่มีที่ไหนน่าอยู่เหมือนบ้านเราครับผม

นี่คือบางส่วนที่เราคิดว่ามันมีแค่ประเทศไทย สลัมบ้านเรานั้นถ้าเปรียบเทียบกับสลัมที่บราซิลแล้วถือว่าเด็กๆเลยครับผม เพราะว่าที่โน่นถูกจัดอันดับว่าเป็นสลัมที่ใหญ่ที่สุดในโลกไปแล้วครับผม แต่ว่าที่เห็นนี้เป็นที่อินเดียครับ


วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Singapore

หวัดดีครับ วันนี้กลับมาก็ยังคงวนเวียนอยู่แถวๆเพื่อนบ้านของเรานี่แหละครับ เป็นเมืองอีกเมืองนึงที่กำลังเติบโตด้วยสถาปัตตึกสูงเสียดฟ้า แต่ว่่าในขณะเดียวกันถ้าได้เดินดูเมืองของเขาก็จะเห็นได้ว่า ยังมีความเป็นเมืองเก่าดั้งเดิมหลงเหลืออยู่เยอะเลย และที่เมืองนี้ที่ขึ้นชื่อมากก็เรื่องของ กฎหมายอย่าเผลอไปทำอะไรผิดเข้าก็แล้วกันเรื่องไม่จบง่ายๆแน่นอน และที่สำคัญที่นี่กฎหมายมันศักดิ์สิทธิจริง ไม่ได้เขียนเอาไว้เฉยๆ เหมือนบ้านเราครับผม โดยเฉพาะเรื่องการโกงกินที่นี่ค่อนข้างจะมีบทลงโทษที่รุนแรงกว่าที่อื่นเยอะเลยครับผม อันนี้ฟังมานะครับผม ข้อมูลอาจจะไม่ตรงกับที่ใครหลายๆคนเคยรู้เคยอ่านมา อันนี้แค่เอามาเล่าสู่กันฟังแค่นั้นเอง คือว่ารากฐานของระบบการจ่ายเงินเดือนให้กับนักการเมืองที่นี้มันค่อนข้างจะสมเหตสมผลในการดำรงตำแหน่งทางการเมือง รู้สึกว่านายกรัฐมนตรีที่นี้จะมีรายได้เกินหลัก 10 ล้านบาทครับ ไม่มั่นใจในตัวเลข คือเขาวางเงินไว้ให้แล้วตั้งแต่ทีแรก แต่ว่าคุณห้ามและไม่มีสิทธิไปรับอย่างอื่นเด็ดขาด ไม่ค่อนข้างจะสวนกระแสกับนักการเมืองบ้านเราที่ยอมทุ่มยอมลงทุนเงินในการหาเสียงเป็นหลัก 100 ล้านบาท เพื่อเข้าไปรับเงินเดือนหลักหมื่นหลักแสนบาท ยังงัยมันก็ดูยังงัยๆ อยู่ครับผม เอาล่ะไม่เข้าไปใกล้การเมืองดีกว่า วันนี้แค่อยากจะหยิบรูปบางรูปมาฝากก็แค่นั้นเองครับผม
อันนี้เป็นผังเมืองจำลอง มีทั้งแบบเป็น 3D และก็เป็นแบบ Digital เป็นไอเดียที่ดีมากเลยที่ทำให้เรานักท่องเที่ยวที่ยังไม่ชำนาญพื่้นที่เมืองสามารถตรวจสอบเส้นทางก่อนได้ว่าเราจะต้องเดินทางไปทางไหน ต้องไปตึกไหน และที่ไหนมีอะไรบ้าง ซืี่งข้อมูลในเมืองทั้งหมดหาได้จากจอข้างๆ ดูดีมาก

 มุมมองของเมืองจากอีกฝังนึง และตลอดทางเดินก็จะมีผลงานศิลปะจัดวางอยู่เป็นระยะ วันที่ถ่ายรูปฝนตกรินๆนิดนึงเลยไม่ได้เดินไกลมาก เอาแค่พอหอมปากหอมคอก็แล้วกัน
 ตึกนี้ก็คงจะเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของทุกคนที่มาที่นี่ก็คงอยากจะมาดูใกล้ๆว่ามันอะไรกันแน่ พูดง่ายๆมันก็คือทุกอย่างรวมอยู่ที่เดียวกันหรือที่บ้านเราชอบเรียกว่า Complex นะแหละ และที่เด่นที่สุดไอ้ที่เห็นอยู่ข้างบนนะเคยได้รับการยืนยันว่าเป็นสวนน้ำลอยฟ้าที่สูงที่สุดในโลก ณ วันที่มันเปิดทำการ ซี่งก็ยังไม่รู้ว่ามีใครแย่งตำแหน่งไปแล้วหรือยัง
นี่ก็อีกหนึ่งไฮไลท์ของ Singapore ครับผม มีอยู่เยอะแยะหลายจุด แต่ว่าตรงจุดนี้จะเป็นจุดเด่นที่มองเห็นอีกฝั่งนึงได้สวยงานมาก เอาล่ะครับผมวันนี้ก็คงเอามาแบ่งปันกันแค่นี้แหละครับผม เดี๋ยวพรุ่งนี้กลับมาใหม่

วันอังคารที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Hong Kong

สวัสดีครับ พื้นที่ตรงนี้แค่อยากนำเสนอเรื่องราวการเดินทางของผมเองครับ โดยการนำเสนอผ่านเรื่องราวทางรูปภาพที่ได้ถ่ายและเก็บสะสมไว้แล้วไม่รู้ว่าจะเอาไประบายที่ไหน ก็เลยถือโอกาสเอามาละเลงถ่ายทอดเรื่องราวให้ทุกๆคนที่สนใจได้รู้ได้เห็นไปด้วยกันพร้อมๆกันครับผม ที่บอกว่าเป็นเรื่องราวการเดินทางของผมเองนั้นเป็นเรื่องจริงครับ แต่ว่าไม่ต้องอิจฉาผมนะครับผม เพราะว่าที่ไปถ่ายรูปสถานที่ต่างๆมามากมายนะ ไม่ได้บอกว่าไปเที่ยวนะครับผม ไปทำงานครับและถือโอกาสไปเที่ยวด้วยก็แค่นั้นเอง รูปบางรูปและเรื่องราวบางเรื่องที่ผมอยากนำเสนอ อยากเล่าให้ทุกๆคนฟังนั้น บางรูปบางเรื่องราวหลายๆคนก็คงจะเห็นจนเบื่อแล้ว และบางเรื่องราวก็คงจะเป็นเรื่องที่แสนจะธรรมดามากเลยสำหรับใครหลายๆคน แต่ว่าผมก็ยังมีความเชื่ออยู่ว่า คงมีใครอีกหลายคนพอสมควรที่ยังไม่มีโอกาสได้ไปเห็นด้วยตัวเอง และหรือไม่เคยเห็นหรือรับรู้เรื่องราวต่างๆ เหล่านี้ ยังงัยก็ติดตามดูเรื่องราวการเดินทางของผมไปพร้อมกับรูปภาพที่มีทั้งที่สวย และก็ธรรมดาสามัญเหมือนทั่วๆไปนะแหละครับ เพียงแต่ว่าแต่ละรูปนั้นผมว่ามันมีเรื่องราวและความหมายของมันอยู่ในตัวครับ
วันนี้ขอเริ่มต้นจากประเทศเพื่อนบ้านไม่ใกล้ไม่ไกลของเรานี่แหละครับผม หลายท่านคงจะพอมองออกแล้วว่านี้คือ Hong Kong นี่เองครับ วันนี้อยากแยกให้เห็นเป็นสามส่วนใหญ่ๆ 2 ภาพแรกที่เราเห็นนี้คือภาพที่เราๆ ท่านๆมักจะเห็นตามโปสการ์ด หรือว่าตามหน้าหนังสือ ตามสื่อโฆษณา ต่างๆกันอยู่บ่อยๆ เป็นเมืองทีมีความเจริญทางวัตถุหรือตึกลอยฟ้าอีกเมืองนึง และที่สำคัญสิ่งที่ผมชอบมากเวลาเดินดูเมืองของเขา ทุกพื้นที่ในตัวเมืองมีการออกแบบและใช้พื้นที่กันแทบจะทุกตารางนิ้วแทบจะไม่มีพื้นที่ว่างที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์เลย โดยเฉพาะถนนนี่ใครขับรถไม่เก่งหรือว่าพึ่งหัดขับนี่ผมว่าขับในเมืองของที่นี่ลำบากแน่ครับผม

 จาก 2 ภาพแรกเราได้เห็นตึกสูงอันหรูหรา แต่ว่าถ้าเราได้เดินดูบ้านดูเมืองเขาอย่างใกล้เข้าไปอีกนิดนึงนี่ก็คือสิ่งที่คุณจะได้เห็นครับผม รัฐของเขากำจัดเขตสลัมทิ้งไป เพราะต้องการพื้นที่มาสร้างตึก แต่ว่าเขาก็ได้จัดหาพื้นที่ให้คนกลุ่มนี้อยู่กัน หรือที่คนแถวนี้เขาเรียกกันว่า สลัมลอยฟ้าครับ มันก็ดูดีเป็นระเบียบดีครับผม ยกเว้นแต่ว่าภาพลักษ์ที่เห็นนี้มันไม่ค่อยจะสบายตาซักเท่าไหร่ก็แค่นั้นเอง ตึกนี้ไม่เท่าไหร่นะครับผม มีอีกโซนอยู่ไกลกว่านี้ไปไม่ถึง เลยได้แค่เบาะๆมา

 ส่วน 2 ภาพนี้คือบรรยากาศยามค่ำคืนของเกาะ Hong Kong ตรงจุดที่ผมยืนถ่ายรูปอยู่นี้คือท่าจอดเรือและเป็นทางเดินเรียบทะเลกว้างและยาวพอสมควร เป็นลานกว้างที่สามารถเดินดูเมืองอีกฝังได้และที่สำคัญ ช่วงประมาณ 2 ทุ่ม [ถ้าจำไม่ผิด] เขาจะมีการแสดงแสง สี เสียง หรือเขาเรียกว่า Lighting Show เห็นบอกว่ามีทุกวัน และที่สำคัญมันเรียกคนดูได้เยอะเลยแหละ ประมาณการเอาเองว่าน่าจะหลักหลายพันคน และที่สำคัญการโชว์ครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 15 นาที แต่ขอพูดตรงๆว่าไม่ได้มีอะไรเลย แค่โชว์เทคนิคของเลเซอร์ไฟ สีต่างๆ และก็เพลงประกอบแค่นั้นเอง แต่ว่าแต่ละชุดก็เรียกเสียงเหของท่านผู้ชมได้พอสมควร

จริงๆแล้วเรื่องง่ายๆแค่นี้เอง เขาก็สามารถดึงดูดให้นักท่องเทียวอย่างเราๆ อยากจะไปดูได้ บ้านเราก็มีมุมอย่างนี้อยู่เหมือนกัน และตึกบ้านเราตอนนี้ก็มีความสวยงามไม่แพ้ต่างประเทศแล้วเยอะแยะไป ถ้ารัฐจะทำอะไรที่เป็นการตอบแทนนักท่องเที่ยวบ้างและที่สำคัญ จัดทำเรื่องราวและสื่อโฆษณาในการโปรโมทสถานที่่ท่องเที่ยวไปด้วยในตัวก็จะเป็นการดี อันนี้แค่เล่าให้ฟังเฉยๆนะครับผม